หมวดสินค้า

รับจดหมายข่าวจากเรา


>>4'c 4 หลักสำคัญในการดูเพชร

CARAT กะรัต

 

 

    น้ำหนักของเพชรจะวัดเป็นกะรัต หนึ่งกะรัตแบ่งออกเป็น 100 สตางค์ดังนั้นเพชรขนาด 0.75 กะรัตจึงมีน้ำหนักเท่ากับ 75 สตางค์ ขนาดกะรัตเป็นตัวตัดสินมูลค่าของเพชรที่เด่นชัดที่สุด แต่สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอก็คือเพชรสองเม็ดที่มีขนาดกะรัตเท่ากันอาจมี มูลค่าแตกต่างกันอย่างมากก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจียระไน สีและความสะอาด

0.50ct
5.2mm

0.75ct
5.8mm

1.00ct
6.5mm

1.50ct
7.4mm

2.00ct
8.2mm

COLOR สี

   

    เพชรจะมีสีธรรมชาติหลากหลายเฉดมีตั้งแต่ขาวใสไร้สีซึ่งหายากและมีค่าที่สุดไปถึงสีเหลืองจางๆ โดยมีเฉด
สี อ่อนแก่ระหว่างกลางมากมายเพชรยิ่งมีสีน้อยเท่าไรยิ่งอำนวยให้แสงสีขาวสามารถ วิ่งผ่านเนื้อภายในได้สะดวกและจะสะท้อนประกายไฟสีรุ้งบนผิวหน้าเพชรได้สวย งามมากขึ้นเท่านั้น

ฉะนั้นการแยกสีเพชรสีขาวกับเพชรที่ติดเหลืองเล็กน้อยซึ่งมีผลกระทบต่อราคา ทางสถาบัน GIA จึงได้กำหนดมาตรฐานการเทียบสีเพชรไว้ ซึ่งการเทียบสีเพชรโดยสายตามนุษย์ไม่สามารถแยกความละเอียดสีขาวและสีขาวติด เหลืองเล็กน้อยออกมากได้ จึงต้องเทียบสีกับ Master Stone โดยนักอัญมณีศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น



จาก Scale จะพบว่าสีจะเรียบลำดับจากสี D ไปจนถึง Z โดยแบ่งเฉดสีตามช่วงดังนี้
D-F Colorless (ขาวบริสุทธิ์)
G-J Near Colorless (ขาวติดเหลืองจางมากๆ)
K-M Faint Yellow (ขาวติดเหลืองจางๆ)


CUT การเจียระไน

   
มีหลายคนเข้าใจสับสน ระหว่างการเจียระไนกับรูปทรงของเพชรอันที่จริงการเจียระไน เพชรจะหมายถึงการจัดวางหน้าเหลี่ยมต่างๆของเพชร ดังนั้นเมื่อกล่าวว่าเพชรเจียระไนดี ไม่ว่าจะเป็นรูปใดจะหมายถึงฝีมือการเจียระไนเหลี่ยม ที่ถูกต้องได้สัดส่วนของช่างเจียระไนฝีมือเอก ทั้งนี้เพราะเพชรที่เจียระไนดีจะมีการเล่นแสงได้อย่างแพรวพราวระยิบระยับจับ ตาและทวีค่ายิ่งขึ้น และทำให้ผู้พบเห็นเกิดความประทับใจ ฉะนั้นการเจียระไนเพชรที่ได้สัดส่วนที่ดีจึงมีความสำคัญมาก

การเจียระไนเพชรมีรูปแบบต่างๆกัน แต่โดยทั่วไปเพชรจะนิยมเจียระไนเป็นรูปทรงกลม เพชรทรงกลมมักนิยมเจียระไนเป็นเหลี่ยม Round Brilliant Cut หรือเหลี่ยมเกสร เนื่องจากเพชรที่เจียระไนแบบนี้จะมีการกระจายแสงที่สมบูรณ์แบบมาก โดยมีเหลี่ยมมากถึง 58 เหลี่ยมต่อเพชรหนึ่งเม็ด


ในการพิจารณาว่าเพชรเม็ดนั้นเจียระไนดีหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบ
 
1. ขนาดเทเบิล(Table Size) ที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจะมีผลต่อการกระจายแสงของเพชร
 
2. มุมคราวน์(Crown Height) ที่มีความสูงไม่สมดุลกับมุมสะท้อนแสงจะมีส่วนทำให้การกระจายแสงลดน้อย
 
3. ความลึกพาวิเลี่ยน(Pavilion Dept) ที่มีการเจียระไนที่ดี แสงจะสะท้อนขึ้นทุกมุม ทำให้การ กระจายแสงดีแต่ถ้า เจียระไนบางเกินไปแสงจะทะลุออกด้านล่างหรือถ้าหนาเกินไปจะทำให้ไม่มีแสง สะท้อนทำให้เพชรจะดูมืด (Nail Head)
 
ซึ่งค่าทั้งหมดจะถูกตรวจสอบโดยนักอัญมณีศาสตร์และบันทึกผลที่ได้ลงใน Certificates ซึ่งผลที่ได้ทั้งหมดจะนำมาสรุปเพื่อให้เข้าใจง่ายต่อบุคคลทั่วไป โดยจะเรียงลำดับจาก เจียระไนดีมาก (Very Good), เจียระไนดี(Good), เจียระไนพอใช้(Fair)

Diamond Calculator
Total Deep   Table Size 

 

CLARITY ความสะอาด



   
 
เพชรส่วนมากจะมีริ้วรอยตำหนิเล็กน้อย จึงเปรียบเสมือนลายนิ้วมือธรรมชาติสรรสร้างเอกลักษณ์ของเพชรแต่ละเม็ด กระนั้นก็มิได้ทำให้เพชรด้อยความงาม หรือลดความแข็งแกร่งลงแต่อย่างใด แต่ทว่ายิ่งมีริ้วรอยน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำให้แสงผ่านมากขึ้น ทำให้เพชรทอประกายเจิดจ้าระยิบระยับขึ้น เพชรจึงเหนือกว่าอัญมณีอื่นใดเพราะสามารถทอประกายแสงได้สุกใสงดงามที่สุด วิธีพิจารณาความสะอาดของเนื้อเพชร ต้องใช้กล้องขยาย 10 เท่าและตรวจสอบโดยนักอัญมณีศาสตร์เท่านั้น




GIA Image Description
IF (Internally Flawless) หมายถึงเพชรที่สะอาดที่สุด คือ ไม่มีรอยตำหนิใดๆ
VVS1-VVS2
(Very Very Slightly Inclusions)
หมายถึงเพชรที่มีตำหนิน้อยมากๆ ซึ่งยากมากๆ แก่การมองเห็นภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า
VS1-Vs2
(Very Slightly Inclusions)
หมายถึงเพชรที่มีตำหนิน้อย ซึ่งยากแก่การมองเห็นภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า
SI1-SI2 (Slightly Inclusion หมายถึงเพชรที่มีตำหนิ ซึ่งจะเห็นตำหนิได้ง่ายภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า และอาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าในบางเม็ด
    ยังไม่มีสินค้าอยู่ในหมวดนี้.